KKBS พี่สอนน้องเรียน ไม่เกี่ยงกิจกรรม

       แน่นอนว่าเมื่อได้เข้ามาสู่ชีวิตมหาวิทยาลัยแล้วจะต้องมีหน้าที่หลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งการเรียนและกิจกรรมที่จะต้องทำควบคู่กับไปด้วยกัน มาดูกันว่าพี่ ๆ ทั้ง 3 คนมีเทคนิค ทริคอะไรบ้างในการแบ่งเวลาในการเรียนและทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย บอกได้เลยว่าเต็มที่กับทุกด้านจริง ๆ มาดูกัน !

นายวชิรวิทย์ เกงขุนทด (เพชร)
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต
วิชาเอกการจัดการธุรกิจบริการและการจัดงาน
คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Q : ทริคเวลาเรียนในห้องเรียนทำอย่างไรบ้าง ?
A : “อยู่ในห้องเรียนจะตั้งใจเรียนบ้างหรืออาจจะมีช่วงผ่อนคลายบ้าง แต่ที่สำคัญที่สุดจะไม่ขาดเรียนเลย แม้ว่าจะทำกิจกรรมดึกแค่ไหนก็ต้องไปเรียนให้ได้ เพราะเราตั้งเป้าหมายไว้ว่ามาเรียน  อย่างน้อย ๆ ต้องได้เข้าเรียน พอได้มีการเรียนรู้รับฟังจากสิ่งที่อาจารย์สอนจะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาในระดับนึง ซึ่งคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีต้องอาศัยความเข้าใจในเนื้อหาอย่างมาก ในการเข้าเรียนนั้นจะทำให้มีการพูดคุย ตอบโต้กับอาจาร์ได้ อีกอย่างคือจดสรุปทุกอย่างที่อาจารย์สอน สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือการบันทึกเสียง  เผื่อในวันที่เรากลับมาอ่านเนื้อหาแล้วไม่เข้าใจ จะสามารถเปิดฟังได้ ดังนั้นสิ่งที่อาจารย์สอนนั้นทำให้เราเข้าใจมากที่สุดแล้ว” 
Q: มีวิธีการแบ่งเวลาการเรียนและกิจกรรมอย่างไรบ้าง ?  
A: “ในนามสโมสรนักศึกษาและทำกิจกรรมตั้งแต่ปี 1 และเป็นคนชอบทำกิจกรรม การที่จะเข้าร่วมกิจกรรมนั้นเข้าร่วมได้แต่อย่าให้มากเกินไป จะต้องมีความพอดีกับการเรียนด้วย ไม่ว่าจะเหนื่อยจากการทำกิจกรรมแค่ไหน วันต่อมาต้องไปเรียนให้ได้ด้วย ถ้าทำเช่นนั้นไม่ได้ก็จะมีผลเสียต่อการเรียนตามมาภายหลัง ทุกอย่างต้องทำควบคู่กันไปทั้งเรียนและกิจกรรม เพราะฉะนั้นตอนเรียนก็ทุ่มเทให้กับการเรียน ตอนทำกิจกรรมก็ทุ่มเทให้กับกิจกรรม อย่าให้ทุกอย่างมาประปนกันแล้วจะเกิดผลดีเอง”   

Q: มีอะไรจะแนะนำน้อง ๆ ในแบบของตัวเองบ้าง ? 
A: “เป็นคนที่ทุ่มเททั้งกิจกรรมและเรียนมาก อยากให้ทุกคนมุ่งมั่นและมีเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจน เมื่อได้ทำออกมาแล้วอย่างน้อยก็ได้ทำและจงทำให้ดีที่สุด สิ่งนั้นจะดีสำหรับเราและสิ่งนั้นคือการเรียนรู้ของชีวิต เชื่อว่าการเรียนนั้นสามารถทำให้คนมีความรู้ แต่กิจกรรมคือการนำความรู้ที่ได้ ไปประยุกต์ใช้กับชุมชนได้ เรียนและกิจกรรมจะต้องควบคู่กันไปจะทำให้คนคนนั้นเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ พร้อมที่จะเข้าสู่สังคมได้”
         “พี่เข้าใจว่าชีวิตมัธยมกับมหาลัยนั้นต่างกันมาก ตอนมัธยมเราจะได้อยู่กับครอบครัว และได้รับการดูแลจากครอบครัว มีคนค่อยบอกค่อยตามตลอด เช่น การไปเรียน การกิน เป็นต้น แต่พอถึงเวลาที่เราต้องเข้ามหาวิทยาลัยและ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นศูนย์รวมของภาคอีสาน นักศึกษาที่เข้ามาจึงมาจากหลายหลายจังหวัด มาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นอยู่หอเราจะต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองมากขึ้น ทั้งในหน้าที่ต่อการเรียน และหน้าที่ที่เราต้องทำ เช่น กิจกรรมต่าง ๆ เป็นต้น การก้าวข้ามเข้ามาสู่รั้วมหาวิลยาลัยจากบ้านมาอยู่คนเดียวจะไม่เหมือนมัธยม เช่น เรื่องเกรด หากติด F แล้ว เกรดจะเป็นอย่างนั้นเลยไม่สามารถแก้ได้เหมือนมัธยมที่สามารถแก้คะแนนได้ เพราะบางวิชานั้นเรียนต่อเนื่องกัน ถ้าหากไม่ผ่านวิชานี้แล้ว วิชาต่อไปจะไม่สามารลงเรียนต่อไปได้ จึงทำให้เกิดการเรียนช้าไปด้วย ปี 1 จึงอยากให้ท่มเทกับการเรียนให้มาก เพราะปี 1 เป็นปีที่สามารถเก็บเกรดได้ง่ายมาก เมื่อปีสูงขึ้นไปจะมีภาระหน้าที่ตามมาเช่นกัน ทั้งการฝึกงานและกิจกรรมต่าง ๆ น้องคนไหนที่ท้อให้คิดถึงหน้าครอบครัวไว้เยอะ ๆ  และตั้งเป้าหมายที่เราจะมุ่งไป การที่เราเดินตามทางที่เราตั้งไว ทำให้เราเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง และทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้ และให้น้องสู้ ๆ ครับ”
นายกฤษณะ เสนาลา (แทนนี่)
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต
วิชาเอกการจัดการธุรกิจบริการและการจัดงาน
คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Q: ทริคตำแหน่งที่นั่งในห้องเรียนมีอะไรบ้าง ?  
A: “ตำแหน่งการเรียนมีผลอยู่ในระดับหนึ่งเช่นกัน เวลาเรียนจะชอบนั้งตรงกลางทำให้สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ สามารถมีการตอบโต้กับอาจารย์ได้มากกว่า และสามารถพักสายตาได้ แต่ถ้านั่งไกลมากเกิดไปก็อาจจะไม่มีสมาธิเพราะจะมีสิ่งรบกวนเยอะ เช่น อาจจะมีคนเดินเข้า ออก หรือเปิดประตู เป็นต้น”
Q: มีวิธีการแบ่งเวลาอย่างไรบ้างระหว่างกิจกรรมกับการเรียน ? 
A: “โดยส่วนตัวเป็นคนไม่เที่ยว แต่เป็นคนชอบทำกิจกรรมในคณะมากกว่า โดยเฉพาะช่วงปีหนึ่งทั้งกิจกรรมรับน้องและกิจกรรมของคณะการสันทนาการ และมีการเลิกดึกเช่นกัน และถึงเราจะนอนดึกแค่ไหนเราต้องตื่นมาเรียนให้ดได้ อย่างน้อย ๆ ก็ได้เช็กชื่อหรือได้ส่งงานในห้องเรียน จะได้ไม่เสียสิทธิตรงนี้ไป และบางทีประเด็นที่อาจารย์สอนก็สำคัญโดยที่ไม่มีในบทเรียนก็เป็นได้” 
Q: ทริคส่วนตัวในการเรียนมีอะไรบ้าง ? 
A: “ในห้องเรียนตั้งใจในระดังนึงและระหว่างที่อาจารย์สอนจะบันทึกเสียงไว้ตลอด และเมื่อกลับมาอ่านทบทวนบทเรียนและเจอประเด็นที่เราสงสัย หรือไม่เข้าใจ เราก็จะสามารถย้อนฟังได้  เป็นการทบทวนบทเรียนกับตัวเองที่ดีที่สุด”
 
Q: มีอะไรที่อยากแนะนำน้อง ๆ ไหม ? 
A: “ฝากเรื่องการทำงานพิเศษเพราะการที่เข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัย บางคนจะต้องทำงานพิเศษไปด้วย การทำงานพิเศษนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องแบ่งเวลาให้ได้ คิดไว้เสมอว่าเหตุผลที่เรามาเรียนเพราะเราอยากจะเรียนจบ ส่วนเรื่องการเรียนของปี 1 อยากให้เก็บเกรดให้ดีตั้งแต่ปี 1 เพราะยิ่งปีสูงขึ้นตัวหารเกรดจะยิ่งเยอะขึ้น เช่น ปี 1 ได้เกรด C และเมื่อปีสูงขึ้นไปถึงเราจะได้เกรด A ก็ทำให้เกรดก็เพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อย”
      “มาถึงวันนี้พอมองย้อนกลับไปเราก็ผ่านมาได้ตลอด อยากให้ทุกคนไม่ย่อท้อและพยายามให้ดีที่สุด เพราะในที่สุดเรานั้นทำได้อยู่แล้ว เพียงแค่เราไม่ดูถูกตัวเองก็พอ”

นางสาวศิรประภา โสภาบุญ (สาลี่)
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต
วิชาเอกการจัดการธุรกิจบริการและการจัดงาน คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Q: มีการแบ่งเวลาอย่างไรบ้างในการทำกิจกรรมและการเรียน ?  
A: “เป็นเด็กกิจกรรม ปี 1 ปี 2 กิจกรรมเยอะมากแต่จะไม่ขาดเรียนเลยเด็ดขาด การเข้าเรียนทำให้เราได้เช็กชื่อและทำแบบทดสอบในห้องเรียนอีกด้วย บอกไว้เลยว่าถ้าขาดเรียนไปแล้วส่วนมากอาจารย์ไม่ให้ทำแบบทดสอบย้อนหลัง” 
Q: อยากจะบอกอะไรคนที่ขาดเรียนบ่อย ๆ ไหม ? 
A: “อยากให้เข้าดีกว่า อย่างน้อยถ้าเราไม่จดตาม แต่เมื่ออาจารย์พูดก็จะผ่านหูบ้าง และจะนึกออกตอนที่อ่านย้อนหลังว่าอาจารย์พูดอะไรไปในเรื่องนี้ ถ้าเราไม่เข้าเรียน แล้วมาอ่านเลยก็อาจจะไม่เข้าใจ”
Q: ทริคส่วนตัวที่ใช้แล้วได้ผลคืออะไร ? 
A: “สรุปตามอาจารย์เป็นประจำ พอมาอ่านย้อนหลังก็สรุปสั้น ๆ อีกสอบ และอ่านหลายรอบจนจะจำได้ ตอนอยู่ในห้องสอบก็จะนึกออกเอง” 
Q: อยากแนะนำอะไรรุ่นน้องไหม ? 
A: “ตอนปี 1 เป็นคนไม่ค่อยตั้งใจเรียน และคิดว่าทำไมยากจัง จากนั้นก็มีรุ่นพี่มาบอกเหมือนกันว่าให้ทำคะแนนตอนปี 1 ให้ดีเพราะวิชาเรียนตอนปี 1 นั้นง่ายที่สุดแล้ว แต่ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ปี 1 นั่นง่ายที่สุดแล้ว ได้เข้ามาเรียนแล้วก็อยากให้ตั้งใจเรียน”