Startup สำเร็จคือความโชคดี ล้มเหลวคือเรื่องธรรมดา
ถ้าไม่มีการเริ่มต้นจะเกิดความสำเร็จได้อย่างไร ?
“ในเรื่องของธุรกิจเมื่อเริ่มแล้วสำเร็จถือเป็นความโชคดีที่มาจากความพยายาม แต่หากล้มเหลวนั่นคือเรื่องธรรมดาที่ควรปรับแก้และพร้อมที่จะพัฒนา”
นี่คือคำกล่าวจากประสบการณ์นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี โดยมีมุมมองมาจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบและเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม ธุรกิจ วัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม ที่เรียกง่าย ๆ ว่า Mega Trend |
Quote นี้เกิดขึ้นได้จาก การแข่งขันแผนธุรกิจ Startup ภายใต้กรอบแนวคิด Smart City ภายในจังหวัดขอนแก่น เป็นการแข่งขันแบบ Pitching โดยทั้งคู่สร้างสรรค์แนวคิดธุรกิจใหม่ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big data ที่เก็บมาจากผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น และ เว็ปไซต์ออกแบบบ้านหรืออาคารที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยเป็นหลักโดยสัมภาษณ์จาก นักศึกษาระดับปริญญาตรี “น้องอู๋” นายธฤต เลาหศิรินาถ (รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3) นักศึกษาระดับปริญญาตรี วิชาเอกการจัดการผู้ประกอบการพานิชย์ และนวัตกรรม ชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีmและนักศึกษาระดับปริญญาโท “คุณแม็ก” นายพงศ์พีระ ฝ่ายพลแสน (รางวัลชนะเลิศ) นักศึกษาระดับปริญญาโท วิชาเอกการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (หลักสูตร English Section) ชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี
Q : Startup สำคัญอย่างไรกับโลกธุรกิจปัจจุบัน ?
อู๋ : Startup เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการทุนในการประกอบธุรกิจหรือคนที่มีไอเดียในการประกอบธุรกิจที่ต้องการเงินลงทุนจำนวนมากจากผู้ลงทุน เพื่อขยายโอกาสการเติบโตของธุรกิจที่มีความ Scalable มากขึ้นครับ
แม็ก : เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งครับ เพราะ Startup ที่แท้จริงหัวใจหลักก็คือ “ธุรกิจ” ไม่ว่าจะทำ Startup แบบไหนจะต้องมีแนวคิดทางธุรกิจนำหน้าเสมอ ในขณะเดียวกันหากต้องการเริ่มประกอบธุรกิจใหม่ก็ต้องใช้ Concept ของ Startup ในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมในยุคปัจจุบัน
Q : Startup มีความเกี่ยวของกับสังคมรอบตัวมากน้อยยังไง ?
อู๋ : Startup ในทุกวันนี้ ผมคิดว่าเป็นการทำธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการต่าง ๆในสังคมซึ่งจะเน้นไปในเรื่องของการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วมันก็อยู่รอบตัวเราในสังคมปัจจุบันจริง ๆ อย่างเช่น การใช้ Smart Phone รวมถึงการเอาสื่อต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ
แม็ก : Startup มีความเกี่ยวของกับสังคมรอบตัวอย่างยิ่งครับ เพราะการทำ Startup คือการที่เราโฟกัสการแก้ไข Pain Point ในสังคม ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต้องสามารถแก้ไขปัญหารวมถึงตอบโจทย์ Lifestyle ของผู้คนในปัจจุบันได้ ทุกวันนี้ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิต การดำเนินชีวิตทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน การซื้อของ หรือแม้แต่การอยู่บ้านเฉย ๆ ทุกอย่างล้วนใช้เทคโนโลยีทั้งสิ้น เมืองในปัจจุบันนี้เป็นเมืองที่มุ่งเน้นพัฒนาพลเมืองให้มีความรู้และสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต ดังนั้น Startup จึงต้องข้ามามีบทบาทกับสังคมรอบตัว เพื่อใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของ Startup ที่แก้ไข Pain Point ของสังคมครับ
Q : จากการเข้าร่วมกิจกรรมทำให้กรอบแนวคิดเรื่อง Startup มีมุมมองที่กว้างขึ้นในทิศทางไหน ?
อู๋ : ครับ…จากการเข้าร่วมกิจกรรมทำให้มีมุมมองในเรื่องของความเป็นไปได้ในการริเริ่มทำ Startup ที่เดิมทีจะเน้นไปในเรื่องมุมมองของคนทำธุรกิจเป็นหลัก มาเป็นมุมมองของผู้ใช้หรือนักลงทุนมากขึ้น โดยการลงทุนบางอย่างถ้าพูดในภาพรวมก็คงจะมีความเสี่ยงที่สูง อย่างคนทำธุรกิจอาจเป็นการเริ่มสร้างไปจนถึงการดูแลที่ยังมีการสืบทอดต่อไปเรื่อย ๆ แต่ว่าการลงทุนเราอาจจะไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มสร้างคนเดียว แต่อาจจะเป็นการมีส่วนร่วมในรูปแบบผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือหุ้นส่วนอะไรแบบนี้ครับ
แม็ก : กรอบแนวคิดกว้างขึ้นในแง่ของการที่ต้องลงมือทำธุรกิจ Startup จริง จากแต่ก่อนที่ผมเคยได้เรียนแค่ทฤษฎีมาจึงไม่มีแนวคิดในการการทำ Startup ออกสู่ตลาดจริง ๆ แต่วิทยากรที่มาให้ความรู้คือผู้ที่ผ่านการเรียนทฤษฎีมารวมถึงการลงมือทำธุรกิจ Startup แล้วประสบความสำเร็จมาแล้วจริง ๆ ดังนั้นสิ่งที่ท่านวิทยากรได้นำมาสอนไม่เป็นเพียงแค่ทฤษฎีที่เราเรียนในห้องเรียน แต่คือประสบการณ์ที่ผ่านการลงมือทำมาจริง ๆ ซึ่งมีประโยชน์มาก ๆ ครับ
Q : สำหรับคนที่สนใจ Startup ต้องมีการปรับตัวเริ่มต้นหรือเรียนรู้จากสิ่งใด ?
อู๋ : สำหรับคนที่สนใจในเรื่องของ Startup ควรศึกษาหาความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยีและต้นทุนต่าง ๆ ในการประกอบธุรกิจเพื่อให้มีพื้นฐานในด้านการคิดแบบผู้ประกอบการนวัตกรรมให้มากขึ้น รู้ทันโลก ทันสมัยครับ ทันเทคโนโลยีในรอบ ๆ ด้านเลยครับ
แม็ก : ต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับยุคโลกาภิวัตน์ให้ได้ ปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราต้องติดตามและอัพเดทความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ เนื่องจากธุรกิจ Startup เป็นธุรกิจที่เน้นที่การใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก
Q : คิดว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ ? และได้รับอะไรจากประสบการณ์ในครั้งนี้ ?
อู๋ : ประสบความสำเร็จไหม ? ข้อนี้ไม่รู้จะตอบยังไงจริง ๆ ครับคือผมไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาวัดดี แต่ถ้ามองว่าการได้ประสบการณ์ต่าง ๆ ได้รู้จักพี่ ๆ เพิ่มขึ้นได้ Connection และมุมมองใหม่ ๆ จากการแข่งขันถ้าเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นตัวชี้วัดก็ต้องบอกว่าประสบความสำเร็จครับ
แม็ก : คิดว่าสำเร็จมากครับ เพราะธุรกิจของเราเริ่มต้นมาจากการเจอ Pain Point ของสังคมคือ หลังจากการระบาดใหญ่ของโรค Covid19 ธุรกิจ SME ในสังคมได้ปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทางรัฐบาลจะมีนโยบายและโครงการเพื่อช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น โครงการคนละครึ่ง เราชนะ เที่ยวด้วยกัน แต่ธุรกิจ SME หลาย ๆ ธุรกิจยังไม่สามารถกลับมาเปิดทำการได้ แม้ว่ามีธุรกิจที่กลับมาเปิดทำการได้ก็ต้องปิดตัวลงไปอีกครั้ง ทีมเราจึงได้เห็น Pain Point ของสังคม คือการที่ธุรกิจ SME ต้องปิดตัวลงหรือไม่สามารถกลับมาเปิดได้อีก เนื่องจากไม่มีข้อมูลด้านการตลาดที่เพียงพอ อีกอย่างคือข้อมูลด้านการตลาดเป็นสินค้าที่มีราคาสูง มีแค่บริษัทใหญ่ๆที่สามารซื้อได้ ดังนั้น Concept ของธุรกิจของเราจึงเป็นการจัดหา เก็บรวมรวมข้อมูลด้านการตลาด แบบ real-time ให้กับธุรกิจ SME ในราคาที่สามารถจับต้องได้
Q : ข้อควรระวัง Startup ฝากไว้ให้คิด
อู๋ : ควรระวังในเรื่องของการเข้าใจผิดในการคิดค่าใช้จ่ายต้นทุนและแนวโน้มของลูกค้าที่จะมาสนใจในผลิตภัณฑ์ของเรา สินค้าที่ได้มาซึ่งคุณภาพนั้น ปริมาณก็ต้องควบคุมให้ได้ครับ
แม็ก : 1. การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้แก้ปัญหา Pain Point ในสังคม ทำให้ไม่มีใครต้องการ
2. หา Target Market ไม่เจอ ผลิตภัณฑ์ที่เราสร้าง ไม่จำเป็นต้องขายให้กับทุกคนทั้งประเทศ โฟกัสที่การทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็พอ
3. มุ่งเน้นที่การใช้ทรัพยากรบุคคลมากกว่าเทคโนโลยี การเริ่มทำ Startup ไม่เหมือนการประกอบธุรกิจ SME ดังนั้น Startup คือการที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ
Q : ทำไมถึงให้ความสำคัญในเรื่อง Startup ?
อู๋ : ถึงแม้เราจะรู้อยู่แล้วว่าธุรกิจ Startup มีความเสี่ยงสูงมากแต่พอมาฟังจากคนที่มีประสบการณ์จริง ๆ ทำให้เราได้รู้ว่าการสิ่งสำคัญที่สุดคือการกล้าลองทำอะไรใหม่ๆมากกว่าการกลัวว่ามันจะไปไม่รอดครับ
แม็ก : Startup คือการเริ่มต้นทำธุรกิจที่แปลกใหม่จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ แต่เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แบบก้าวกระโดด โดยการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหรือความต้องการของตลาดโดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เน้นการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Internet, E-commerce, Telecommunications หรือ Robotics เพื่อทำให้สินค้าหรือบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคใหม่มากขึ้น มักเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นจากไอเดียเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันหรือแก้ไข Pain Point ของสังคม หรือเมื่อเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ยังไม่มีใครเคยคิดหรือทำมาก่อน
Q : อยากให้ฝากถึงคนที่สนใจ Startup และอยากเรียนรู้ในคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี?
อู๋ : สำหรับคนที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเองอยากให้ตัวเองมีมุมมองแบบนักธุรกิจและยังชอบการลงมือทำจริงได้ลองผิดลองถูกจริง อยากให้ลองเข้ามาเรียนวิชาเอกการจัดการ ฯ ของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีดูเพื่อที่จะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วแต่ละธุรกิจกว่าจะดำเนินกิจการให้ประสบความสำเร็จได้ต้องผ่านอะไรมาบ้างครับ
แม็ก : หัวใจหลักของการทำ Startup ก็คือการมีความรู้ ความสามารถในการดำเนินการธุรกิจหนึ่งๆ ดังนั้นเพื่อให้มีความรู้ในด้านการดำเนินและบริหารธุรกิจได้จริง ผมอยากแนะนำให้ผู้ที่มีความสนใจเริ่มทำ Startup ได้ศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของการบริหารธุรกิจ ที่คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี เรามีสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศที่ไม่เพียงแค่โฟกัสที่สาขาใดสาขาหนึ่ง แต่เราได้เรียนทุกสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็น การเงิน การบัญชี การตลาด เศรฐศาสตร์ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ การลงทุน ในบริบทของธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ นอกจากจะมีความรู้ด้านธุรกิจแล้วยังได้ใช้ภาษาอังกฤษและได้มีเพื่อนต่างชาติอีกด้วย
สุดท้ายนี้หากอยากเริ่มทำธุรกิจ Startup ทางน้องอู๋ และคุณแม็ก แนะนำให้รู้เรื่องของ Stage of Startup 3 ขั้นตอนก่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมว่า Startup นั้น จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างไร ดังนี้
Problem Solution Fit
คือ ขั้นตอนแรก ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นจากการพัฒนาไอเดีย ที่อาจจะมาจากความต้องการแก้ปัญหา Pain Point บางอย่างของผู้คน โดยได้ทำการพิสูจน์ว่าเป็นปัญหาที่มีอยู่จริง และมีความต้องการแก้ไข โดยสามารถคิดผลิตภัณฑ์ตั้งต้นที่สามารถแก้ปัญหานั้น ๆ ได้
Product Market Fit
ขั้นที่สองจะเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เพื่อนำไปทดสอบกับตลาดเก็บ Feedback จากลูกค้า และเรียนรู้นำมาปรับปรุงให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาด หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นช่วงที่สินค้าติดตลาด
Business Market Fit
หลังจากที่สินค้าติดตลาดแล้ว ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เน้นการขยายการเติบโตของธุรกิจ เพิ่มทีมงาน ขยายกำลังการผลิตหรือสร้าง Infrastructure ต่าง ๆ เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้า ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์โมเดลทางธุรกิจ รวมถึงการหารายได้ในรูปแบบใหม่ๆ อาจจะเพิ่มขึ้นมาในช่วงนี้ และช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ดึงดูดนักลงทุน และทีมงานให้เข้ามาช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจ